ในไทยก็สามาราติดโซล่าเซลล์บนหลังคาโรงเรือน
สำหรับประเทศไทย การประยุกต์ใช้งานแผงโซล่าเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าแบบติดตั้งบนหลังคาโรงเรือนสาหรับภาคการเกษตรยังไม่แพร่หลาย อาจมาจากข้อมูลด้านเทคนิค การบริหารจัดการ รวมทั้งข้อมูลการลงทุนยังไม่เพียงพอ ทำให้ยากต่อการตัดสินใจของผู้ประกอบการ ดังนั้น หากภาครัฐต้องการมุ่งส่งเสริมการผลิตพลังงานเพื่อใช้เอง (self-consumption) ควรมีการศึกษาวิจัยข้อมูลทางเทคนิค และทางเศรษฐศาสตร์ที่สอดคล้อง และเหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย เช่น อุณหภูมิที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ จากสถิติย้อนหลัง 60 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2494 – 2556 อุณหภูมิสูงที่สุดของภาคเหนือประมาณ 44-44.5 °C ต่ำที่สุดประมาณ 0.8-1 °C ส่วนอุณหภูมิสูงที่สุดของภาคกลางและภาคตะวันออกประมาณ 43-43.5 °C ต่ำที่สุดประมาณ 5-8 °C ความแตกต่างกันของอุณหภูมิทำให้ต้องมีการประยุกต์ออกแบบระบบเพื่อปรับใช้ในแต่ละอุณหภูมิให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ตำแหน่งที่ตั้ง ลักษณะพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคของไทย ลักษณะภูมิประเทศของภาคเหนือมีเขาสูงสลับกับหุบเขา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีทั้งพื้นที่ภูเขาสูงและที่ราบ ในขณะที่ภาคกลางมีลักษณะพื้นที่เป็นแอ่งที่ราบ ส่งผลให้ปริมาณแสงที่ตกกระทบแต่ละจุดของพื้นที่จะแตกต่างกันไป
การออกแบบโรงเรือน ต้องสร้างสภาพแวดล้อมภายในโรงเรือนให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชปลูกแต่ละชนิด ซึ่งควรเป็นพืชที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง จะมีความคุ้มค่าและสามารถคืนทุนได้เร็ว
การกำหนดสัดส่วนแผงโซล่าเซลล์ที่ติดตั้งบนหลังคา ส่งผลต่อปริมาณแสงอาทิตย์ที่พืชจะได้รับ หากปริมาณแสงไม่เพียงพอหลังการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคา การลงทุนเพื่อเพิ่มปริมาณแสงภายในโรงเรือนจะสูงมาก
ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้สามารถนามาใช้วางแผนและกำหนดนโยบายทิศทางการส่งเสริม สนับสนุนของ ภาครัฐเพื่อการยกระดับการทำเกษตรกรรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังขยายตลาดอุตสาหกรรม พลังงานแสงอาทิตย์ของประเทศไปยังภาคการผลิตอื่นให้หลากหลายมากขึ้น และพัฒนาศักยภาพบุคลากรของ ภาคเกษตรและพลังงานให้สูงขึ้นในอนาคต