ที่มาและความสำคัญของถนนรัชดา
ถนนรัชดาเป็นถนนวงแหวนรอบในของกรุงเทพมหานคร เริ่มจากสะพานข้ามคลองบางกอกใหญ่ ผ่านสะพานกรุงเทพ ตัดผ่านถนนพระรามที่ 3 ถนนสุขุมวิท ถนนเพชรบุรี ถนนพระราม 9 ถนนลาดพร้าว ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนประชาชื่น ถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี ข้ามสะพานพระราม 7 เข้าเขตอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ตัดกับถนนบางกรวย-ไทรน้อย ลอดใต้สะพานพระราม 6 เข้าเขตกรุงเทพมหานคร รวมกับถนนจรัญสนิทวงศ์ และมาบรรจบที่ทางแยกท่าพระ
ถนนรัชดาเป็นถนนที่สร้างขึ้นตามกระแสพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่พระราชทานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตนครหลวงกรุงเทพธนบุรี เมื่อ พ.ศ. 2514 จอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้เข้าเฝ้าเพื่อกราบบังคมทูลเรื่องพระราชพิธีรัชดาภิเษก (Silver Jubilee) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแนวพระราชดำรัสเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรเป็นครั้งแรก โดยมีพระราชประสงค์ให้สร้างถนนเพิ่มขึ้นเป็นถนนวงแหวนเพื่อพระราชทานเป็นของขวัญแก่ประชาชนแทนการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีรัชดาภิเษกคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2514 ให้จัดสร้างถนนวงรอบขึ้นน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์ในวโรกาสพระราชพิธีรัชดาภิเษก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 25 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2514 โดยรัฐบาลได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานชื่อถนนวงรอบว่า "ถนนรัชดาภิเษก" พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างถนนรัชดาภิเษก ณ บริเวณเชิงสะพานกรุงเทพตัดกับถนนเจริญกรุงเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2514 บริเวณแนวถนนตัดจากสะพานกรุงเทพผ่านถนนเจริญกรุงและต่อเชื่อมจนครบวงแหวน ปัจจุบันถือเป็นถนนวงแหวนรอบใน โดยมีถนนกาญจนาภิเษก (ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9) เป็นถนนวงแหวนรอบนอก ถนนวงแหวนรอบในส่วนที่ 1 เริ่มจากทางแยกท่าพระถึงถนนเพชรบุรี ส่วนที่ 2 จากถนนพระรามที่ 4 ถึงทางแยกท่าพระ รวมระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร และมีพิธีเปิดถนนรัชดาภิเษกใน พ.ศ. 2519 แม้ว่าจะมีการเปิดใช้ถนน แต่ก็ยังเป็นถนนวงแหวนที่ไม่สมบูรณ์มากนัก เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการเวนคืนที่ดินในการก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลก็ดำเนินการก่อสร้างถนนรัชดาภิเษกส่วนที่เหลือเรื่อยมา จนกระทั่งแล้วเสร็จเป็นถนนวงแหวนอย่างสมบูรณ์ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เมื่อปี พ.ศ. 2536
ถนนวงแหวนรอบในรัชดานั้นมิได้สร้างใหม่ขึ้นทั้งหมด บางช่วงเป็นถนนและซอยที่มีอยู่แต่เดิม ได้แก่ ถนนวงศ์สว่าง (ช่วงสะพานพระราม 7 ถึงทางแยกวงศ์สว่าง), ซอยอโศก-ดินแดง (ช่วงทางแยกพระราม 9 ถึงทางแยกอโศก-ถนนเพชรบุรีตัดใหม่), ซอยสุขุมวิท 21 (ซอยอโศก) (ช่วงถนนสุขุมวิททางแยกอโศก-ถนนเพชรบุรีตัดใหม่), ถนนนางลิ้นจี่ตอนปลายหรือถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา (ช่วงทางแยกสาธุประดิษฐ์ถึงแยกถนนนางลิ้นจี่), ถนนมไหสวรรย์ (ช่วงทางแยกถนนตกถึงทางแยกมไหสวรรย์) และถนนจรัญสนิทวงศ์ (ช่วงทางแยกท่าพระถึงสะพานพระราม 6)
เมื่อมีการโครงการตัดถนนรัชดาจึงเวนคืนที่ดินเพื่อตัดถนนเชื่อมเข้าหากัน เมื่อเสร็จสิ้นโครงการแล้วถนนบางช่วงใช้ชื่อว่าถนนรัชดาภิเษกแต่บางช่วงยังใช้ชื่อถนนตามเดิม ดังนี้ ถนนวงศ์สว่าง (ช่วงสะพานพระราม 7 ถึงทางแยกวงศ์สว่าง), ถนนรัชดาภิเษก (ช่วงทางแยกวงศ์สว่างถึงทางแยกพระราม 9), ถนนอโศก-ดินแดง (ช่วงทางแยกพระราม 9 ถึงทางแยกอโศก-เพชรบุรี), ถนนอโศกมนตรี (ช่วงทางแยกอโศกมนตรีถึงทางแยกอโศก-เพชรบุรี), ถนนรัชดาภิเษก (ช่วงทางแยกอโศกมนตรี-ทางแยกท่าพระ) และถนนจรัญสนิทวงศ์ (ช่วงทางแยกท่าพระถึงสะพานพระราม 6)
ก่อนวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 รัฐบาลในขณะนั้นมีนโยบายต้องการสร้างถนนเศรษฐกิจสายใหม่ทดแทนถนนสีลมซึ่งแออัดและการจราจรติดขัด จึงมองหาทำเลที่ตั้งใหม่ ซึ่งได้ลงตัวที่ถนนรัชดาภิเษก ช่วงตั้งแต่ทางแยกถนนตกจนถึงทางแยก ณ ระนอง โดยได้จัดตั้งเป็นถนนเศรษฐกิจสายใหม่ตามนโยบายของรัฐบาล ใช้ชื่อว่า ถนนพระรามที่ 3 ซึ่งรัฐบาลได้ลงทุนโครงสร้างพิ้นฐานของถนนพระราม 3 โดยขยายถนนเป็น 6 ช่องจราจรไป-กลับ และขุดคลองกลางถนนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : วิกิพีเดีย https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A9%E0%B8%81
วิธีการเดินทาง
เริ่มต้นเดินทางจากกรุงเทพมหานคร (89/1 อาคาร sunnergy tower ถนนรัชดา-รามอินทรา คลองกุ่ม บึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10230)ไปยังซอยรัชดา36
มุ่งหน้าทางทิศตะวันตกไปตามถนนหมายเลข350 และถนนหมายเลข351 ผ่านถนนคลองลำเจียก ถนนประดิษฐ์มนูญธรรม ถนนนาคนิวาส ตัดเข้าสู่โอษธิษ3 และแยกสุภสสร เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนโชคชัย4 ถนนลาดพร้าววังหิน ซอยลาดพร้าววังหิน27 และเลี้ยวเข้าสู่ซอยรัชดา41 และถึงจุดหมายซอยรัชดา36ในระยะเวลาเพียง20นาที กับระยะทางร่วม 11กิโลเมตร
งานติดตั้งโซลาร์เซลล์ระบบออนกริด 20kw Huawei ซอยรัชดา36
1. แผงโซล่าเซลล์โมโนคริสตัลไลน์ 535 วัตต์
- โซลาร์เซลล์ ถูกคิดค้นด้วยไอเดียของแชปปิน,ฟูลเลอร์ และเพียร์สัน โดยสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1954 แล้วจึงค่อยๆถูกปรับเปลี่ยนและพัฒนาต่อเนื่องให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถนำมาต่อยอดด้านอื่นๆได้มากขึ้น
การเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าจะต้องประกอบด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น แผงโซลาร์เซลล์ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (อินเวอร์เตอร์) ตู้กระแสสลับ มิเตอร์วัดกระแสสลับ และหม้อแปลงไฟฟ้า โซลาร์เซลล์ที่ใช้สารกึ่งตัวนำซิลิคอนที่คนไทยนิยมใช้มีทั้งหมด 3 ชนิดหลัก ดังนี้ โซลาร์เซลล์แบบผลึกเดี่ยว โซล่าเซลล์แบบผลึกรวม โซล่าเซลล์แบบฟิล์มบาง โดยการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
ข้อดี
-เป็นพลังงานสะอาด
เพราะได้มาจากการเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าโดยตรง จึงไม่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งนำมาซึ่งภาวะเรือนกระจก และมลพิษทางอากาศต่างๆ
- เป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด
เพราะถูกสร้างขึ้นมาโดยใช้ร่วมกับดวงอาทิตย์และพลังงานธรรมชาติแบบร้อยเปอร์เซนต์ซึ่งพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานที่เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติและไม่มีวันหมดไป
- ผลิตไฟฟ้าได้ทุกขนาด
โซล่าเซลล์สามารถช่วยผลิตไฟฟ้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ทั้ง ช่วยลดค่าไฟฟ้า ช่วยกักเก็บไฟฟ้าไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน หรือช่วยผลิตไฟฟ้าให้กับพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ซึ่งสามารถผลิตได้ทุกขนาดตามความต้องการของผู้ใช้ ไม่ว่าจะต้องการมาก หรือน้อย ใช้ในพื้นที่เล็กๆอย่างเช่น บ้าน หรือ พื้นที่ขนาดใหญ่ อย่างโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ได้เช่นกัน
-ไม่จำเป็นต้องมีระบบส่ง
เพราะโซลาร์เซลล์สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าในบริเวณที่จะใช้งานได้เลย แตกต่างจากการผลิตพลังงานไฟฟ้าในระบบปกติที่จะต้องนำส่ง เพราะแหล่งผลิตกับแหล่งใช้งานอยู่คนละที่กัน
-ลดค่าไฟ
สามารถช่วยลดค่าไฟให้กับเราได้ตั้งแต่ครั้งแรกของการติดตั้งและใช้ระยะเวลาในการคืนทุนสั้น
-เป็นพลังงานทดแทนที่ดี
นอกจากสามารถประหยัดค่าไฟแล้ว ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึงหรือผู้ที่ต้องการสำรองไฟฟ้าไว้ใช้ในยามฉุกเฉินอีกด้วย
ข้อเสีย
- ปริมาณไม่แน่นอน
เพราะกระบวนการผลิตขึ้นอยู่กับความเข้มของพลังงานแสงอาทิตย์หรือสภาพอากาศโดยตรง ถ้าหากวันไหนอากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส ก็จะได้ปริมาณไฟฟ้าเต็มที่ ถ้าหากวันไหนอากาศไม่ดี มีฝนหรือมีหมอก ก็จะได้ปริมาณไฟฟ้าน้อยลง
-พลังงานไม่ค่อยสูง
เพราะความเข้มของพลังงานดวงอาทิตย์ไม่สูงมากนัก ดังนั้น ถ้าหากที่ไหนต้องการปริมาณไฟฟ้ามาก ก็ต้องใช้จำนวนโซลาร์เซลล์และพื้นที่ในการติดตั้งเพิ่มมากขึ้น
- เก็บสะสมไว้ใช้ได้ไม่นาน
เพราะกระบวนการเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีแสงเท่านั้น ฉะนั้นจึงต้องมีอุปกรณ์รองรับเพื่อสลับไปใช้ระบบไฟฟ้าปกติ หรือมีแบตเตอรี่เพื่อเก็บไว้ใช้ยามสำรอง
-ราคา
ราคาค่อนข้างสูงสำหรับการติดตั้งในครั้งแรก
-ใช้พื้นที่เยอะ
ในการติดตั้งแต่ละครั้ง จำเป็นต้องใช้พื้นที่สูง เพราะเเผงโซล่าเซลล์1แผง ใช้พื้นที่ประมาณ 1-2ตารางเมตร จึงเหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่เพียงพอ
2. กริดไทด์อินเวอร์เตอร์ Huawei จำนวน 1ตัว
กริดไทด์อินเวอร์เตอร์ เป็นอุปกรณ์แปลงสัญญาณไฟ ที่ใช้งานร่วมกับระบบโซล่าเซลล์ ซึ่งจะทำหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้ากระแสตรงที่ได้จากการผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ โดยจะทำการซิงโครไนซ์กัน ระหว่างกระแสไฟฟ้าที่ได้จากระบบโซล่าเซลล์ กับระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้า เมื่อใช้ไฟฟ้าเราก็จะดึงพลังงานกระแสไฟที่เราผลิตได้มาใช้จึงทำให้เราประหยัดและลดค่าใช้จ่าย แถมยังสามารถขายไฟฟ้าที่เราไ่ม่ได้ใช้ทางอ้อมด้วย(กรณีนี้ต้องยื่นเรื่องกับการไฟฟ้าก่อน)
ข้อจำกัดในการใช้งานคือ กริดไทด์อินเวอร์เตอร์จะไม่สามารถใช้งานในช่วงเวลากลางคืน และในเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ เช่น ไฟดับ อินเวอร์เตอรจะหยุดทำงานทันที แม้ว่าแผงโซล่าเซลล์ยังคงใช้งานอยู่ก็ตาม
ข้อแนะนำการใช้งาน กริดไทด์อินเวอร์เตอร์ ก่อนจะนำมาใช้งาน ควรคำนวณการใช้ให้เหมาะสมก็จะสามารถช่ยลดค่าไฟภายในบ้านได้ แต่ถ้าคำนวณออกมาได้ไม่เหมาะสม เช่น ถ้าติดตั้งระบบใหญ่เกินไปแต่มีการใช้งานเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้มิเตอร์หมุนย้อนได้
ข้อดี
-แปลงไฟฟ้าได้ไม่ซับซ้อน
-ช่วยลดค่าไฟได้ดี
-รักษาระดับแรงดันให้มีประสิทธิภาพ
-มีความปลอดภัยสูงต่อการใช้งาน
-ในบางรุ่นสามารถแสดงผลการผลิตไฟฟ้าจากอินเทอร์เน็ตและแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนต่างๆได้
ข้อเสีย
-ไม่สามารถใช้งานในเวลากลางคืนได้ หรือ ในเวลาที่ไฟตก ไฟดับ
3. อุปกรณ์กันไฟย้อนมิเตอร์3 เฟส จำนวน 1 ตัว
เป็นอุปกรณ์เสริมที่จะมีส่วนช่วยป้องการเสียหายในวงกว้างได้ดี การติดตั้งอุปกรณ์กันย้อนมีหลักการทำงานคือ จะใช้ตัว ct ตรวจจับกระแสการใช้งานในบ้านทั้งหมด ซึ่งจะค่อนข้างสะดวกสบายเพราะไม่ต้องถอดสายเมนการทำงานคือหากตัว ct ตรวจจับกระแสได้น้อยตัวควบคุมจะสั่งงานให้แผงโซล่าเซลล์จ่ายกระแสไฟฟ้าน้อยลง และจะผลิตกระแสไฟให้สัมพันธ์กับการใช้งานภายในบ้านหรือสถานที่นั้นๆ และถ้าหากมีการใช้กระแสไฟฟ้ามาก ตัวควบคุมก็จะสั่งงานให้รีเลย์จ่ายกระแสไฟเต็มที่ จนทำให้มิเตอร์บริเวณหน้าบ้านหมุนได้ช้าลงหรือหยุดหมุน ช่วยทำให้ประหยัดค่าไฟได้
4. อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต อินเวอร์เตอร์ จำนวน 1ตัว
-เป็นระบบตรวจวัดและเก็บข้อมูลในระยะไกลที่สามารถแสดงผลผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนได้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ตอบโจทย์และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ติดตั้งที่จะสามารถตรวจสอบ ตรวจเช็คได้ ซึ่งข้อมูลที่แสดงผลเป็นข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งจะแสดงทั้งค่ารังสีของพลังงานเเสงอาทิตย์ ค่าอุณหภูมิ และค่าอื่นๆทางไฟฟ้า
5. ตู้ควบคุมการทำงานระบบพร้อมอุปกรณ์กันไฟกระโชก จำนวน 1ตัว
-เป็นอุปกรณ์ป้องกันไฟกระโชกที่เหนี่ยวนำเข้ามาในระบบไฟฟ้าแรงต่ำ แบบ 1 เฟส 2 สาย และ 3 เฟส 4 สายที่เกิดจากฟ้าผ่า การลัดวงจรของระบบส่งกำลังไฟฟ้า การปิดเปิดของเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังขนาดใหญ่ และจากสาเหตุอื่นๆ ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไม่ได้รับความเสียหาย รวมถึงผู้ที่ปฏิบัติงานได้รับความปลอดภัยสูงสุด
อุปกรณ์ป้องกันไฟกระโชก ที่สามารถป้องกันไฟกระโชกได้มี 2 รูปแบบ ไฟกระโชกแบบช่วงสั้นและไฟกระโชกแบบช่วงยาวอุปกรณ์ป้องกันฯ ไม่มีผลต่อการกินกระแสไฟฟ้าของโหลด เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ต่อขนานกับระบบไฟฟ้า ดังนั้นกรณีที่อุปกรณ์ป้องกันฯ ได้รับความเสียหาย จึงสามารถถอดซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ได้ โดยไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น
6. mounting system โครงสร้างอะลูมิเนียมสำหรับติดตั้งแผงบนหลังคาเหล็ก จำนวน 1ตัว
ประโยชน์
การติดตั้งระบบออนกริดเหมาะสำหรับผู้ที่มีความต้องการปรับลดอัตราค่าไฟ หรือสำหรับผู้ที่มีความต้องการขายไฟคืนให้กับการการไฟฟ้า ซึ่งการติดตั้งระบบออนกริดสามารถทำได้ทั้งในอาคารบ้านเรือน โรงงานอุตสาหรรมที่มีอัตราและชั่วโมงการใช้ไฟสูงมากในแต่ละวัน โดยระบบโซล่าเซลล์แบบออนกริด เป็นการเชื่อมต่อสายตรง โดยไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ ระบบออนกริดเป็นระบบที่ผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ร่วมกับไฟฟ้าหลัก เป็นระบบที่เหมาะแก่การใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางวันเป็นหลัก โดยหลักการทำงานของของระบบออนกริดคือการนำพลังงานไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ที่ผลิตได้มาใช้ก่อนนั่นเอง